วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์

ผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์




 ผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์เป็นผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์และมีศิลปะอยู่ในตัวซึ่งผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์เป็นที่รู้จักกันมาเป็นระยะเวลานานลักษณะจะเด่นที่ลายของผ้าไหม ซึ่งจะมีลายหลายแบบเช่น  ลายอัมปรม ลายสมอ ลายโฮล โดยมีต้นแบบลายผ้าของชาวเขมรถิ่นไทย มาประยุกต์ลงในผ้ามัดหมี่ แล้วมีลักษณะกลมกลืนกับผ้ามัดหมี่



และมีการประดิษฐ์จากผ้่ามัดหมี่และผ้าไหมหลายอย่างเช่น กระเป๋าถือ ผ้าถุง เสื้อผ้า  เป็นต้น






ส่วนผ้าไหมที่เป็นเอกลักษณ์ของสุรินทร์คือลายโฮล  คำว่า “โฮล” เป็นภาษาเขมร แปลว่าไหล อันสื่อความหมายถึง การไหลมาเทมาของเงินทองเกียรติยศ ชื่อเสียง และความมั่งคั่งของผู้สวมใส่ ผ้าไหมโฮล ยังหมายถึง ผ้าไหมลายน้ำไหลซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน
ผ้าโฮล เป็นผ้าทอพื้นเมืองสุรินทร์ และเป็นราชินีแห่งผ้าไหมเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวสุรินทร์ ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย สืบทอดมาสู่รุ่นลูกหลานผ้าโฮลเป็นผ้าที่มีสีสันและลวดลายเด่น ลักษณะการทอจะเป็นจุดประสลับกับเส้นตรง ใช้ไหมคู่ 2 สีทอสลับกันเป็นลายตลอดไปทั้งผืน บางแห่งเรียกโฮลใบไผ่เนื่องจากมีลักษณะเป็นลายริ้วสลับกับลายมัดหมี่ ที่มีความกว้างประมาณครึ่งนิ้ว สลับกันไปดูคล้ายใบไผ่ ส่วนลายริ้วเปรียบเสมือนก้านใบไผ่เมื่อดูภาพรวมของลายผ้าจะคล้ายป่ามีปล่องช่องเขา มีลำธารน้ำ โฮลแดงเป็นการผสมผสานระหว่างลวดลายโบราณแต่มีการย้อมสีให้ออกสีแดงโดยใช้สีธรรมชาติในการมัดย้อม จึงเรียกว่า โฮลแดง นับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษในหมู่บ้านปราสาทเบงหมู่ที่ 14 ตำบลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์   ผ้าโฮล เป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษสืบต่อกันมามีความสวยงาม ประณีต ในการทอ ถือเป็นเอกลักษณ์ของชาวสุรินทร์ กรรมวิธีในการทอผ้าทุกผืนจะต้องมีชายดังคำพังเพยของคนโบราณที่ว่า “ผู้หญิงสวยหน้า ทอผ้าสวยชาย” ลักษณะการทอชายผ้าหรือริมผ้าจะแตกต่างจากการทอผ้าชนิดอื่น คือมีการดึงเส้นไหมที่อยู่ชายผ้าตลบย้อนกลับเข้ามาในผืนผ้าเป็นการเก็บชายผ้า ทำให้ผ้าไม่ขาด และชายผ้าหนาขึ้น ดูแลรักษาง่าย และที่สำคัญการมัดย้อมจะเริ่มต้นด้วยการย้อมสีแดงจากครั่งซึ่งเป็นสีที่ติดทนนาน สีไม่ตก ไม่หดตัว จึงถือว่าสีแดงเป็นเอกลักษณ์ของผ้าโฮล เหมาะสำหรับการนำไปตัดเย็บเพื่อสวมใส่หรือแปรรูปเป็นกระเป๋าก็ได้


จากการศึกษาทำให้รู้ถึงที่มาและความสำคัญของผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทำให้จังหวัดสุรินทร์มีชื่อเสียงและนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมการทอผ้าไหม ทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินแล้วทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการทอผ้าไหม และเป็นการดึงนักท่องเที่ยวมาดูมาศึกษาในวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น